Property

สแตนดาร์ดอินเตอร์เนชั่นแนลจับมือแสนสิริ และซีจี แคปปิตอล ฉีกกรอบด้านดีไซน์ตามแบบฉบับเดอะ สแตนดาร์ดเขย่าตลาดเรสซิเดนซ์ ปักหมุดสองเดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก “หัวหิน-ภูเก็ต”

สแตนดาร์ดอินเตอร์เนชั่นแนลจับมือแสนสิริ และซีจี แคปปิตอล

ฉีกกรอบด้านดีไซน์ตามแบบฉบับเดอะ สแตนดาร์ดเขย่าตลาดเรสซิเดนซ์

ปักหมุดสองเดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก หัวหินภูเก็ต

 

 

สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล (Standard International) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในธุรกิจไลฟ์สไตล์โฮเทล จับมือ 2 ดีเวปลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (Sansiri Public Company Limited) ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของไทยและ บริษัท ซีจี แคปปิตอลจำกัด (CG Capital Limited) บริษัทบริหารการลงทุนจากตระกูลจิราธิวัฒน์ในรูปแบบกองทุน Private Equity ที่เจาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการTHE STANDARD RESIDENCES โครงการที่พักอาศัยรูปแบบbranded residences บนทำเลสุดฮอตกับ 2 เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ได้แก่เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์หัวหิน (The Standard Residences, Hua Hin)โครงการbranded residences แห่งแรกในเอเชีย กับทำเลบีชฟร้อนท์สุด Rare บนชายหาดหัวหินที่ขาวและสวยที่สุดเทียบชั้นเมืองตากอากาศชั้นนำระดับโลกพร้อมกับexperience facilities ระดับเวิลด์คลาสและเดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์ภูเก็ตบางเทา (The Standard Residences, Phuket Bang Tao) ที่นอกจากจะตั้งอยู่บนที่ดินไข่แดงของย่านที่ฮอตที่สุดในภูเก็ตอย่างย่านบางเทาแล้วยังให้ความลักซ์ชัวรี่แบบ super low density ด้วยจำนวนยูนิตแค่ 188 ยูนิต บนที่ดิน 12 ไร่ หรือ 16 ยูนิตต่อไร่ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตอยู่อาศัยเองและซื้อไว้เป็นฮอลิเดย์โฮมด้วยดีไซน์ทันสมัย แปลกใหม่ และมาตรฐานที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของ เดอะ สแตนดาร์ด มูลค่าทั้ง 2 โครงการรวมกว่า 8,500 ล้านบาท

 

 

หลังวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนจากในปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยสูงถึง 28 ล้านคน มากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ทั้งยังมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะเร่งตัวแตะ 35 ล้านคน จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะ 2 ทำเลอสังหาฯอย่าง หัวหิน เดสติเนชั่นท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติเทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลกจากการเป็น Wolrd Class City of Relaxation ด้านWellness & Medical Tourism Hub รวมถึงแหล่งคอมมูนิตี้ของนักท่องเที่ยวกลุ่มLuxury Tourists ที่มีกำลังซื้อสูง(affluent community)ร้านอาหารขึ้นชื่อมากมาย เน่ห์วัฒนธรรมของหัวหินที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดจนนโยบายการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่สายใต้ การขยายสนามบินนานาชาติหัวหินเพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน รวมถึงprivate jet ยกระดับการเดินทางที่เชื่อมต่ออย่างสะดวก รวดเร็วขึ้น ตลอดจนเพิ่มโอกาสศักยภาพการลงทุกจากกลุ่มธุรกิจต่างชาติขณะที่ ภูเก็ต เมืองที่ได้ชื่อว่า‘ไข่มุกแห่งอันดามัน’ เพราะติดอันดับ World Class Tourist Destination อย่างต่อเนื่องและล่าสุดยังถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดในโลกภาครัฐจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยการยกระดับระบบสาธารณูปโภคเช่นโครงการทางด่วน 2 สาย โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3 การเพิ่มรางรถไฟและศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาลระดับนานาชาติรองรับความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีจากนักลงทุนจากเอเชียและยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เพื่ออยู่อาศัย ให้เช่า และการลงทุน

คุณอมาร์ ลัลวานี่(Amar Lalvani) – ประธานกรรมการบริหาร Standard International กล่าวว่า

 

 

Standard International บริษัทเครือไลฟ์สไตล์โฮเทลระดับโลกและเป็นบริษัทแม่ของเครือโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด (The Standard) ซึ่งก่อตั้งมากว่า 25 ปีด้วยเอกลักษณ์ ตัวตน และการฉีกกฎเกณฑ์ของมาตรฐานโรงแรมแบบเดิมๆ เปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในฮอลลีวูด รวมทั้งปักหมุดเปิดให้บริการในทำเลสำคัญทั่วโลกได้แก่ นิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน, อิบิซา, มัลดีฟส์, หัวหิน และกรุงเทพมหานครที่เป็นแฟล็กชิพของเอเชีย อย่าง The Standard, Bangkok Mahanakhon
จุดเด่นของแบรนด์เดอะ สแตนดาร์ด คือ การสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้เข้าพัก ด้วยบุคลิกที่สนุกสนาน ขี้เล่น รวมถึงการให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันทั้งการออกแบบ และการบริการ กลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ เดอะ สแตนดาร์ดในฐานะผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งในด้านห้องพัก การท่องเที่ยว อาหาร และความสนุกยามค่ำคืนรวมถึงการเปิดประสบการณ์กับกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นโชว์ การจัดวางชิ้นงานศิลปะ อาหารมื้อพิเศษ ไลฟ์มิวสิกหรือดีเจชั้นนำระดับโลก เอ-ลิสต์ปาร์ตี้ ฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ ไปจนถึงการเปิดตัวแบรนด์สินค้า ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้เดอะ สแตนดาร์ดพิเศษและไม่เหมือนใคร
สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนลประกอบด้วยโรงแรม 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ The Standard โรงแรมที่ฉีกกรอบรูปแบบเดิม  ด้วยรสนิยมล้ำสมัยดีไซน์แปลกใหม่ห้องอาหารที่หลากหลาย และเน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าพัก Bunkhouse แบรนด์ที่เจาะกลุ่มตลาดท่องเที่ยวแบบบีสโปคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครเพื่อต้อนรับ  นักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์การเดินทางแบบมีสไตล์ มาพร้อมบริการที่มีความเป็นกันเองและ The Peri Hotel โรงแรมบูทีคไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นำเสนอประสบการณ์การเข้าพักที่สนุกสนาน เน้นมอบความรู้สึกเสมือนเป็นบ้านอีกหลังที่เปิดรับให้เหล่านักเดินทางและผู้คนท้องถิ่นสามารถแวะเวียนมาสัมผัสความสุขรอบตัว และการันตีการให้บริการคุณภาพระดับโลก
โดยโครงการ The Standard Residences จะหยิบยกเอาจุดเด่นด้านดีไซน์ของโรงแรม The Standard ไม่ว่าจะเป็น ห้องนั่งเล่นที่ดูสนุกสนาน การผสมผสานโทนสี การเลือกสรรวัสดุ และเตียงนอนที่นุ่มสบาย มาต่อยอดกับบริการอันเป็นเอกลักษณ์  และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสร้างประสบการณ์พักผ่อนที่แตกต่าง ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าพัก
ตลาด branded residences ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตถึง 216%ด้วยโลเคชั่นที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น The Standard Residences จึงไม่จำกัดเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักแต่ยังเล็งการขยายตัวไปยังเมืองที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีเอกลักษณ์โดดเด่น ยกตัวอย่างเช่น บาหลี สิงคโปร์หรือ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น
โครงการ branded residences ที่ได้ทำการเปิดขายไปแล้ว มีทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ The Standard Residences, Midtown Miami โดยมีจำนวนทั้งหมด 228 ยูนิต เป็นตึก 12 ชั้น โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 450,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 85% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568ส่วน The Standard Residences, Lisbon มีจำนวนทั้งหมด 32ยูนิตแบ่งเป็น 3ตึก โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 350,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 91% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 การที่ทั้ง 2 โครงการ มีราคาขายสูงกว่าโครงการอื่น ๆ ในตลาดเดียวกันกว่า 20% เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการbranded residences ของสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งล็อบบี้เลาจน์ที่มีทั้งคาเฟ่, เดอะสแตนดาร์ดโซเชียลคลับ, คอร์ทพิคเคิลบอล, ห้องคาราโอเกะ, โยคะสตูดิโอ, ฟิตเนส, โคเวิร์คกิ้งสเปซ, ห้องเก็บจักรยานและห้องสมุดรวมถึงดีไซน์ที่แตกต่าง แม้ว่าโครงการที่ไมอามี่จะเป็นโครงการที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวก็ตาม
ทั้งนี้คุณอมาร์ มีความเชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 โครงการใหม่ อย่าง The Standard Residences, Hua Hin ที่มีบิ๊กแบรนด์                  ดีเวลลอปเปอร์อย่าง แสนสิริ ผู้บุกเบิกตลาดอสังหาฯ และครองเจ้าตลาดอันดับหนึ่งในหัวหินมายาวนานถึง 40 ปี และ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่ได้ดีเวลลอปเปอร์แถวหน้าอย่าง ซีจี แคปปิตอล ผู้บริหารกองทุน Private Equity ในบริษัททรงอิทธิพลอย่างเครือเซ็นทรัล รุกทำเลย่านบางเทาซึ่งเทียบได้ว่าเป็นทำเลทองหล่อของภูเก็ต จะเพิ่มมูลค่าของ branded residences ภายใต้แบรนด์ The Standard และมั่นใจว่า 2 โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวที่มองหาบ้านพักตากอากาศที่มีเอกลักษณ์พร้อมบริการมาตรฐานระดับโลก รวมถึงเป็นแม่เหล็กตอบรับโจทย์ของนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวระดับเวิร์ลคลาสทั้ง 2 เดสติเนชั่น ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ

คุณอุทัย อุทัยแสงสุขประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

 

 

ในปี 2567 ถือเป็นปีที่สำคัญของ แสนสิริ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์หลากหลายครอบคลุมโครงการคุณภาพในทุกระดับเซ็กเมนท์รวมกว่า 500 โครงการ ทั้งนี้แสนสิริพัฒนาโครงการรีสอร์ทคอนโดมิเนียม(รวม The Standard Residences, HuaHin) ในหัวหินมาแล้วจำนวนรวม 25 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 31,000ล้านบาท โดย 22 โครงการ Sold out (ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) จากความเชื่อมั่นในคุณภาพแบรนด์ โครงการคุณภาพสูง มาพร้อมมาตรฐานการออกแบบดีไซน์ที่โดดเด่นพร้อมฟังก์ชั่นตลอดจนบริการดูแลหลังการขายที่ สร้าง Valueadded ให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า
แสนสิริยกให้หัวหินเป็นหนึ่งใน Strategic Location สำคัญ โดยได้พัฒนาโครงการแฟล็กชิพแห่งแรก‘บ้านไข่มุก’ ซึ่งเป็นรีสอร์ทคอนโดลักซ์ชัวรี่ ติดริมหาดบนหาดทรายขาวที่สุดและสวยที่สุดของหัวหินปัจจุบัน ราคา capital gain พุ่งสูงถึง 1,000% จากการดูแลอสังหาฯให้คงสภาพเสมือนวันแรกที่เข้าอยู่โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้
เราพบว่าหัวหินเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูง เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัย Resort home เป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทั้งซื้อเพื่ออยู่เองเพื่อการลงทุนของชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังพัฒนา ด้านระบบคมนาคม รวมถึงการผลักดันของภาครัฐให้หัวหินเป็น World Class City of Relaxation ศูนย์กลางของด้าน Wellness และ Medical Tourism Hub ประกอบกับมีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคหลักทั้งการขยายสนามบินเพื่อรองรับไพรเวทเจ็ทของนักท่องเที่ยวกลุ่มลักซ์ซัวรี่และการตั้งเป้าให้หัวหินเป็นสมาร์ทซิตี้ที่มีความทันสมัยและปลอดภัยและที่สำคัญ branded residences เป็นหนึ่งรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายเกือบทุกรูปแบบรวมถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนทั้งในลักษณะการปล่อยเช่า (Rental Yield) และการขายต่อในอนาคต (Capital Gain) จากการดูแลบริหารจัดการโดยแบรนด์โรงแรมมาตรฐานระดับโลก
The Standard Residences, Hua Hin นับเป็นโปรเจกท์ไฮไลท์ของแสนสิริในปีนี้โดยมีมูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาทและเป็น Beachfront branded residences ภายใต้แบรนด์ The Standard แห่งแรกในเอเชีย และมีกำหนดเปิดตัวเป็นแห่งที่ 3 ของโลก โครงการตั้งอยู่บนไพร์มโลเคชั่นบนที่ดินหายากติดหาดหัวหิน                            ที่สามารถพัฒนาโครงการใหญ่แบบฟรีโฮลด์ได้มาพร้อมกับไฮไลท์ Beachfront Pool Villa สุด Rare ราคาแตะ 100 ล้านบาท เพียง 2 ยูนิตเท่านั้น โดดเด่นด้วยprogramming experience ที่ยกระดับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสไปกับ experience facilities ที่มีให้เฉพาะลูกบ้านของเรสซิเดนซ์เท่านั้นเพื่อสุดยอดประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ฉีกกรอบทุกการพักผ่อนอาทิ pickle ball court, the mud lounge, salt sauna และ experience shower นอกจากนี้ยังสามารถรับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกันกับโรงแรม The Standard, HuaHin ซึ่งตั้งอยู่ในเดสติเนชั่นเดียวกันได้ตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ยูนีคและเพิ่มความเป็นอัตลักษณ์ หรือความตัวตนของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น และที่สำคัญยังเป็นเรสซิเดนซ์แห่งแรกในหัวหินที่pets allowed ตอบโจทย์คนรักสัตว์อีกด้วย
The Standard Residences, HuaHin จำนวน 245 ยูนิตบนพื้นที่ขนาด9 ไร่เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 4065 ตารางเมตร, 2ห้องนอน ขนาด77120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน ขนาด107153 ตารางเมตรและBeachfront Pool Villa สุด Rare ขนาด 220ตารางเมตร ทั้งนี้โครงการพร้อมเปิดให้ชม sales gallery ครั้งแรกวันที่ 2324 มีนาคม 2567 นี้และพร้อมเข้าอยู่ในช่วงไตรมาส2 ของปี 2569

คุณภูมิ จิราธิวัฒน์กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีจี แคปปิตอลจำกัด กล่าวว่า

 

 

ซีจี แคปปิตอล ผู้บริหารกองทุน Private Equity ในเครือเซ็นทรัล ได้จัดตั้ง กองทุนแรกในมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวของไทยซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาวโดยมีผู้ลงทุนหลักได้แก่ 1. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2. ธนาคาร              ชั้นนำ 3. นักลงทุนสถาบันระดับโลก ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนทั้งในส่วนโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุกสวนน้ำ และโครงการมิกซ์ยูส ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศได้แก่ กรุงเทพมหานครภูเก็ต สมุย และพัทยา โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 35 โครงการ
ภูเก็ต เมืองที่ได้ชื่อว่า “ไข่มุกแห่งอันดามัน” เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังติดอันดับ1ใน 10 ของโลกและยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Workation อันดับ 10 ของโลก หลังช่วงโควิดในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแล้วกว่า 11 ล้านคน ทำให้มีการเล็งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทจากหลายผู้ประกอบการมากที่สุดในเมืองไทยประกอบกับโดยมีโรงเรียนนานาชาติถึง 13 แห่ง และโรงพยาบาลระดับไฮเอ็นด์ เหตุผลนี้เองทำให้อสังหาฯ ภูเก็ต เนื้อหอมทั้งในแง่ความต้องการ และการลงทุนใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเพิ่มขึ้นถึง 113% และCG Capital ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทองในการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในหาดบางเทา
โครงการ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านที่เป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ของภูเก็ต อย่างย่านบางเทา (โดยอยู่ใกล้กับPhuket Lifestyle Hub 3 นาทีใกล้หาดบางเทา 5 นาทีซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 25 นาทีและเดินทางไปเมืองเก่าภูเก็ตเพียงแค่30 นาที) ก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลได้มีการเปิดตัวโครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต(Porto De Phuket) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรจนกลายเป็นฮอตสปอตของภูเก็ตและย่านบางเทาเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทาง CG Capital ตั้งเป้าที่จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดโครงการThe Standard Residences, Phuket Bang Tao และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยความเป็นbranded residences ของเครือบูทีคไลฟต์สไตล์ระดับโลกอย่างThe Standard ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
พื้นที่ของโครงการทั้งหมดมีขนาด 19 ไร่โดยแบ่งเป็น 3 โปรเจค เริ่มจากThe Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่มีขนาด 12 ไร่ และ โรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา(The Peri Hotel Phuket Bang Tao) รวมถึง F&B Concept ใหม่ล่าสุดจากThe Standard ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีก 7 ไร่ ทั้งนี้ตัวโครงการ branded residences ประกอบด้วยอาคาร7 ชั้นรวมแล้ว6 อาคารมีจำนวนห้องทั้งหมด 188 ยูนิตโดยออกแบบให้เป็นห้องตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์เริ่มตั้งแต่1 ห้องนอนขนาด 75ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 100-120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอนขนาด167172 ตารางเมตร และห้องดูเพล็กซ์สุดหรู ขนาด 301313 ตารางเมตร โครงการให้บริการพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลาดหลายอาทิ โคเวิร์คกิ้งสเปซ, โซนเกมส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำความยาว25 เมตร, สระว่ายน้ำเด็ก และสปา เป็นต้นพร้อมบริการอื่น ๆ ตามมาตรฐานโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ดรวมถึงมีพนักงานดูแลอำนวยความสะดวกตลอด24 ชั่วโมง และบริการรถรับ-ส่งไปยังชายหาดบางเทา ทั้งนี้ The Standard Residences, Phuket Bang Tao เตรียมเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นที่ 11.9ล้านบาท รวมถึงเปิดsales gallery ครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2567 และพร้อมเข้าอยู่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2569

คุณอมาร์ยังได้เสริมถึง Friend with Benefitsนับเป็นข้อเสนอที่เพิ่มประสบการณ์กับแบรนด์ The Standard ให้กับผู้ซื้อทั้ง             2 โครงการ โดยจะได้รับสิทธิพิเศษถึง 3 รูปแบบ อันได้แก่ ส่วนลดห้องอาหาร 10-15% สำหรับร้านอาหารของโรงแรมในเครือ The Standard และ The Peri Hotel ในประเทศไทย และส่วนลดห้องพักในเครือ The Standard ทั่วโลกสูงถึง 25% โดยปัจจุบันมีโรงแรมที่เปิดให้บริการทั้งหมด 20แห่งทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในอีเว้นต์ตามแบบฉบับแสตนดาร์ดไม่ว่าจะเป็นส่วนลด การซื้อบัตรเข้าร่วมงานในราคาพิเศษ และการได้รับเชิญมาเป็นแขกพิเศษในงานอีกด้วย

ทั้งนี้ทั้ง 3 ผู้บริหารจาก สแตนดาร์ดอินเตอร์เนชั่นแนล, แสนสิริและซีจีแคปปิตอลมั่นใจว่า The Standard Residences, Hua Hin และThe Standard Residences, Phuket Bang Tao จะประสบความสำเร็จและสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่างสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ควบคู่ไปกับความชำนาญ วิสัยทัศน์ และความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการเฉพาะทางของทั้งสองดีเวลลอปเปอร์ ประกอบกับทำเลที่ตั้งของทั้งสองโครงการที่อยู่ในท็อปโลเคชั่นซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนและนักเดินทางที่มองหาที่พักที่มีมูลค่ามากกว่าการเป็นเพียงที่อยู่อาศัย

สามารถเยี่ยมชมเวปไซต์ของ The Standard Residences ได้ที่https://www.standardhotels.com/residences